วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

กระดาษจากใบเตย


องค์ประกอบเค้าโครงงาน
ชื่อโครงงาน : กระดาษจากใบเตย
ผู้จัดทำโครงงาน
นางสาว จิรภา  โต๊ะสำรับ  เลขที่  22
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/4
อาจาร์ที่ปรึกษาโครงงาน
นาย ธนดล   คำเสมอ
ระยะเวลาดำเนินงาน :   4 พ.ย - 30 พ.ย 56


บทที่ 1
บทนำ
ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
ใบเตยหอมเป็นพืชสมุนไพร  ในอดีตนิยมนำใบเตยหอม มาประกอบอาหารและทำขนมหวานใช้แต่งกลิ่นเวลาหุงข้าวเจ้าและข้าวเหนียว  หรือนำไปแต่งกลิ่นและสีของขนม  จะเห็นได้ว่าเราใช้สมุนไพรเตยหอมมากมาย  ใบเตยมักจะขึ้นในที่ชื้นแฉะใกล้น้ำ  ใบจะงอกจากลำต้นเรียงเวียนแน่นรอบลำต้น  มีสีเขียว  รูปเรียวยาวคล้ายหอกและมีกลิ่นหอมเย็น  ไม่มีดอก  ขยายพันธุ์โดยใช้หน่อ  ใบเตยมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงหัวใจ  ช่วยลดการกระหายน้ำเพราะเมื่อเรารับประทานน้ำใบเตยจะรู้สึกชื่นใจและชุ่มคอ
กระดาษสาเป็นกระดาษชนิดหนึ่ง  ที่ทำมาจากต้นกระดาษสาซึ่งต้นปอสา เป็นพืชเส้นใยในตระกูลเดียวกับหม่อนและขนุนนิยมปลูกมากในภาคเหนือ  ต่อมา ได้มีการพัฒนากระดาษสาทำเป็นลวดลายและมีสีต่างๆ อย่างหลากหลาย  แล้วนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้อย่างมากมาย  เช่น ทำกล่องกระดาษ  ที่คั่นหนังสือ  กระดาษห่อของขวัญ  ปกสมุดไดอารี่  ถุงกระดาษ  ฯลฯ
ในปัจจุบันกระดาษสานอกจากจะมีราคาแพงและมีความสวยงามแล้ว  ยังเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค  คณะผู้จัดทำจึงมีแนวคิดที่จะนำใบเตยมาทำเป็นกระดาษสา  เพราะใบเตยเป็นพืชที่มีเส้นใยสูง  จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะนำมาทำเป็นกระดาษสาเหมือนกับวัสดุธรรมชาติอื่น ๆ
วัตถุประสงค์
1.   เพื่อหาสูตรที่เหมาะสมสำหรับการทำกระดาษสาจากใบเตยหอมโดยใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ กระดาษโรเนียว และกระดาษกล่องเป็นส่วนผสม
2.  
 เพื่อเปรียบเทียบสีที่เหมาะสมการทำกระดาษสา
ขอบเขตของโครงงาน
ใบเตยสามารถนำมาทำเป็นกระดาษเหมือนกับต้นปอสาได้


บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
หลักการและทฤษฎี
     กระดาษสา  มีมานาน  20  กว่าปีแล้วโดย นายเจริญ  เหล่าปิ่นตา  ได้สืบทอดการทำกระดาษสามาจากคุณทวด  ซึ่งในสมัยก่อนนั้นไม่ได้ทำกันอย่างแพร่หลายเหมือนสมัยนี้  จะทำกันเฉพาะเมื่อต้องการเขียนยันต์  ทำไส้เทียนและทำตุงของเชียงใหม่เท่านั้น ตั้งแต่นั้นมาก็ได้มีการพัฒนาการทำกระดาษสาจากที่เคยทำสีขาวก็คิดหาวิธีทำเป็นหลายๆสี  และมีลวดลายมากยิ่งขึ้น  ซึ่งปรากฏว่าได้รับความสนใจจากคนไทยและต่างประเทศเป็นอย่างมาก  ทำให้ท่านมีกำลังใจที่จะผลิตงานศิลปะ  กระดาษสามากยิ่งขึ้น  แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆเช่น สมุดโน้ต ถุงกระดาษ  ดอกไม้  ฯลฯ  และยังได้เผยแพร่กระทำกระดาษสาไปยังหมู่บ้านอื่น ๆ และสอนวิธีการทำกระดาษสาให้เพื่อเป็น การอนุรักษ์ศิลปะของไทยอีกด้วย  ที่ยึดหลักการประกอบอาชีพในการทำกระดาษสา สืบทอดจากบรรพบุรุษของบ้านต้นเปา  ซึ่งเป็นแหล่งผลิตกระดาษสาดั่งเดิมของเชียงใหม่  โดยในอดีตการทำกระดาษสานั้นเพื่อนำไปใช้ในการผลิตร่มและพัด  โดยแหล่งผลิตร่มและพัดอยู่ที่บ้านบ่อสร้าง  อำเภอสันกำแพง  จังหวัดเชียงใหม่  นอกจากนี้ยังใช้ในการทำไส้เทียน  ทำตุงและทำโคมลอย  ซึ่งกระดาษสายังไม่เป็นที่ต้องการของท้องตลาดมากนัก  การทำกระดาษสาจึงอยู่เฉพาะครอบครัวของนายเจริญ  เหล่าปิ่นตา  และนางทองคำ  เหล่าปิ่นตา  เท่านั้น  จนกระทั่งต่อมากระดาษสา  และผลิตภัณฑ์จากกระดาษสาได้มีการส่งเสริมการอุตสาหกรรม  กระทรวงอุตสาหกรรมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  อย่างจริงจังประมาณปี  พ.ศ. 2537 – 2538  มีการจัดงานแสดงและจำหน่ายกระดาษสาและผลิตภัณฑ์  การจัดการประกวดกระดาษสา  ตลอดทั้งการฝึกอาชีพการผลิตกระดาษสาและผลิตภัณฑ์  การบริการให้คำปรึกษาแนะนำพัฒนาเทคนิคการผลิต  เครื่องมือเครื่องจักรในการผลิตต่าง ๆ ทำให้คนเริ่มรู้จักและสนใจกระดาษสากันมาก และรู้จักบ้านต้นเปาว่าเป็นแหล่งผลิตกระดาษสาด้วยมือ  แบบดั่งเดิมของจังหวัดเชียงใหม่  กระดาษสาและผลิตภัณฑ์จากกระดาษสาจากบ้านต้นเปาได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดหลายประเภทและหลายครั้ง  ชื่อเสียงของกระดาษสาบ้านต้นเปาเริ่มเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปมากขึ้น ประกอบกับตลาดกระดาษสาและผลิตภัณฑ์กระดาษสาในเมืองไทยเริ่มขยายต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ  บางคนมารับงานไปทำที่บ้านเป็นอาชีพเสริมให้กับครอบครัว  นอกจากนั้นยังมีผู้ผ่านการฝึก  การทำกระดาษสาและ ผลิตภัณฑ์จากกระดาษสา  จากบ้านอนุรักษ์กระดาษสาได้ไปประกอบอาชีพเป็นผู้ผลิตอุตสาหกรรมในครัวเรือนของตนเอง  ถ้าหากไม่สามารถหาตลาดจำหน่ายได้เอง  ก็จะนำผลิตภัณฑ์มาฝากจำหน่ายหรือขายให้ทางบ้านอนุรักษ์กระดาษ


บทที่ 3
วัสดุอุปกรณ์และการทดลอง
วิธีดำเนินการ
   วิธีการทดลอง  แบ่งออกเป็น  3  ขั้นตอน
ขั้นตอนที่  1  การหาสูตรที่เหมาะสมในการทำกระดาษสาจากใบเตยหอม
ขั้นตอนที่  2  การฟอกขาวเยื่อกระดาษ
ขั้นตอนที่  3  การนำกระดาษสาที่ผลิตไปแปรรูปใช้ประโยชน์ขั้นตอนที่  1  การหาสูตรที่เหมาะสมในการทำกระดาษสาจากใบเตยหอม 
การทดลองแบ่งออกเป็น  4  กลุ่ม
กลุ่มที่  1  ใบเตยหอม + กระดาษโรเนียว
กลุ่มที่  2  ใบเตยหอม  + กระดาษกล่อง
กลุ่มที่  3  ใบเตยหอม  + กระดาษหนังสือพิมพ์
กลุ่มที่  4  กลุ่มควบคุมใบเตยหอมกลุ่มที่ 1 ใบเตยหอม 200 กรัม + กระดาษหนังสือพิมพ์ 50 กรัม
วิธีทำ 
1.  
 นำใบเตยหอมจำนวน 1,000 กรัม มาล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นนำใบเตยหอมมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร
2.  
 นำใบเตยหอมที่หั่นแล้วมาปั่นให้ละเอียดจนเกิดใย ซึ่งใช้เวลาในการปั่นประมาณ  3  นาที
3.  
 นำใบเตยหอมที่ปั่นแล้วมาผสมกับกระดาษโรเนียวที่เตรียมไว้ในอัตราส่วน
200 : 50  (
 ใบเตย 200 กรัม กระดาษโรเนียว 50 กรัม ) จากนั้นก็นำไปปั่นต่อประมาณ 5 นาที
4.  
 เมื่อปั่นเสร็จแล้วนำส่วนผสมที่ได้ไปใส่ตระแกรงไนล่อนขนาดกว้าง 30 เซนติเมตร ยาว 45 เซนติเมตร ( ขนาดตระแกรงขึ้นอยู่กับกระดาษที่ต้องการ ) จากนั้นนำไปร่อนในอ่างน้ำเพื่อให้เยื่อลอยตัวและกระจายตัวออกจากกันอย่างสม่ำเสมอ
5.  
 นำตะแกรงไนล่อนไปตากแดดประมาณ 1 วัน กระดาษสาจะแห้งติดกันเป็นแผ่นจึงลอกกระดาษสาออกจากตะแกรงไนล่อน

บันทึกผลการทดลอง 
1.
 ด้านละเอียดและหยาบของเส้นใยและเนื้อเยื่อของกระดาษ
2.
 ความเหนียวของกระดาษสา บันทึกโดยชุดทดลองแรงดึงต้านทานโดยการใช้แรต้านทานกับกระดาษ โดยเพิ่มนำหนักถุงทรายทีละ 100 กรัม
3.
 การดูดซับโดยใช้น้ำมันพืชหยดลงบนกระดาษแล้ว ดูการกระจายเป็นเส้นผ่านศูนย์กลางน้ำมันที่กระจายตัวบนกระดาษที่ซับน้ำมันไว้กลุ่มที่ 2 ใบเตย 200 กรัม + กระดาษกล่อง 50 กรัม
ทำการทดลองและบันทึกผลการทดลองแบบเดียวกับกลุ่มที่ 1 แต่แตกต่างกันตรงที่ใช้กระดาษกล่องแทนกระดาษโรเนียว
กลุ่มที่ 3 ใบเตย 200 กรัม + กระดาษหนังสือพิมพ์ 50 กรัม
ทำการทดลองและบันทึกผลการทดลองแบบเดียวกับกลุ่มที่ 1 แต่แตกต่างกันตรงที่ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์แทนกระดาษโรเนียว
กลุ่มที่ 4 กลุ่มควบคุมใบเตย 200 กรัม
ทำการทดลองและบันทึกผลการทดลองแบบเดียวกับกลุ่มที่ 1 แต่แตกต่างกันตรงที่ใช้ใบเตยหอมอย่างเดียว
ขั้นตอนที่  2  ทดลองชนิดของสีที่ติดได้ดีกับกระดาษสาที่ผลิตจากใบเตยหอม
การทดลองแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1 สีโปสเตอร์
กลุ่มที่ 2 สีผสมอาหาร
กลุ่มที่ 3 สีย้อมผ้า
วิธีการทดลอง
ใช้กลุ่มการทดลองที่ดีที่สุดขั้นตอนที่  2  มาทดลองย้อมสีชนิดต่างๆ
          
การย้อมสี 
1.  
 นำเยื่อกระดาษใส่ลงไปในนำสีที่เตรียมไว้
2.  
 การเตรียมนำสีเตรียมได้โดยใช้นำสี  15  กรัม  ต้มในน้ำ  2 ลิตร
3.  
 นำเยื่อกระดาษแต่ละกลุ่มมาแช่น้ำสีทิ้งไว้  15  นาที  แล้วนำมาเตรียมไว้เพื่อนำไปใส่ตะแกรงไนล่อนแล้วร่อนในน้ำสี
4.  
 จากกนั้นก็นำไปตากแดดไว้ประมาณ  1  วัน
บันทึกผลการทดลอง 
บันทึกลักษณะสีที่ติด การกระจายของสีบนเยื่อกระดาษที่ผลิต
ขั้นตอนที่ 4 การนำกระดาษสาที่ผลิตไปแปรรูปใช้ประโยชน์
          การนำกระดาษที่ผลิตไปแปรรูปใช้ประโยชน์  เช่น  นำไปทำกล่องกระดาษทิชชู  จัดบอร์ด  ทำดอกไม้  การ์ดอวยพรต่างๆ  ที่ขั้นหนังสือ  ถุงกระดาษ


บทที่ 4
ผลการวิเคราะห์และการทดลอง
ผลการศึกษา
ตอนที่   การหาสูตรที่เหมาะสมการทำกระดาษสาจากการทดลองคณะผู้จัดทำได้ทำการทดลองหาสูตรที่เหมาะสมกับการทำกระดาษสา  ได้ใช้กระดาษโรเนียว  กระดาษกล่องและกระดาษหนังสือพิมพ์  โดยมีใบเตยหอมเป็นตัวควบคุม   ผลการทดลองปรากฏ  ดังตาราง  1ตาราง  1  แสดงผลการทดลองการผสมใบเตยหอมกับกระดาษชนิดต่าง ๆ
กลุ่ม
ประเภท
ปริมาณใบเตยหอม
(
 กรัม )
ปริมาณกระดาษ 
(
 กรัม )
ผลการทดลอง
1
กระดาษโรเนียว
200
50
ดี
2
กระดาษกล่อง
200
50
ปรับปรุง
3
กระดาษหนังสือพิมพ์
200
50
ดีมาก
4
ใบเตยหอม ( ตัวควบคุม )
200
-
พอใช้
   
  จากตาราง  1  พบว่า  กระดาษสาที่ทำจากใบเตยหอมกับกระดาษหนังสือพิมพ์   อัตราส่วน  200  :  50  กรัม  มีคุณภาพดีที่สุด  รองลงมา  คือ  ใบเตยหอมกับกระดาษโรเนียว  และใบเตยหอมผสมกระดาษกล่อง ตามลำดับโดยใช้ใบเตยหอมเป็นตัวควบคุม ( control )

เกณฑ์การทดลองการผสมใบเตยหอมกับกระดาษชนิดต่าง ๆ 
ดีมาก   หมายถึง   เยื่อกระดาษมีเนื้อละเอียด  ผิวเรียบสม่ำเสมอมีการจับตัว และประสานยึดแน่นเป็นเนื้อเดียวกัน
ดี    หมายถึง   เยื่อกระดาษส่วนใหญ่มีเนื้อละเอียด  ผิวเรียบสม่ำเสมอมีการจับตัวและประสานยึดแน่นเป็นเนื้อเดียวกัน
พอใช้  หมายถึง   เยื่อกระดาษบางส่วนมีเนื้อละเอียด  ผิวเรียบสม่ำเสมอมีการจับตัว และประสานยึดแน่นเป็นเนื้อเดียวกัน
ปรับปรุง  หมายถึง   เยื่อกระดาษเนื้อไม่ละเอียด  ผิวไม่เรียบ  ไม่มีการจับตัว และประสานยึดแน่นเป็นเนื้อเดียวกัน
ตอนที่  2 การเปรียบเทียบสีที่เหมาะสมการทำกระดาษสา
   จากการทดลองคณะผู้จัดทำได้ทำการทดลองเพื่อเปรียบเทียบสีที่เหมาะสมการทำกระดาษสา  ผลการทดลองปรากฏ  ดังตาราง  2

ชนิดของสี
ปริมาณสีของกระดาษ 
แต่ละประเภท ( กรัม )
ผลการทดลอง
สีผสมอาหาร
15
พอใช้
สีย้อมผ้า
15
ดีมาก
สีโปสเตอร์
15
ดี
   
  จากตาราง  2  พบว่า  สีที่ใช้ผสมในการทำกระดาษสากระดาษสาที่มีคุณภาพดีที่สุด  ได้แก่  สีย้อมผ้า  รองลงมาคือ  สีโปสเตอร์และสีผสมอาหาร  ตามลำดับ
เกณฑ์การเปรียบเทียบสีที่เหมาะสมการทำกระดาษสา 
ดีมาก           หมายถึง     เนื้อสีกับเยื่อกระดาษผสมเป็นเนื้อเดียวกัน  มากกว่า ร้อยละ  95
ดี                 หมายถึง     เนื้อสีกับเยื่อกระดาษผสมเป็นเนื้อเดียวกัน  ร้อยละ  85
พอใช้          หมายถึง     เนื้อสีกับเยื่อกระดาษผสมเป็นเนื้อเดียวกัน  ร้อยละ  65
ปรับปรุง      หมายถึง     เนื้อสีกับเยื่อกระดาษผสมเป็นเนื้อเดียวกัน  น้อยกว่า ร้อยละ  50


บทที่ 5
สรุปผลและข้อเสนอแนะ
สรุปผลและข้อเสนอแนะ
1.   กระดาษสาที่ผลิตจากใบเตยหอมกับกระดาษหนังสือพิมพ์  อัตราส่วน  200   : 50  กรัม  เป็นอัตราส่วนที่เหมาะสมที่สุดในการทำเป็นกระดาษสา  รองลงมาคือ  ใบเตยหอมกับกระดาษโรเนียว  และใบเตยหอมกับกระดาษกล่อง  ตามลำดับโดยใช้ใบเตยหอมเป็นตัวควบคุม ( control )
2.   สีที่เหมาะสมการทำกระดาษสาที่มีคุณภาพดีที่สุด  ได้แก่  สีย้อมผ้า  รองลงมาคือ  สีโปสเตอร์และสีผสมอาหาร  ตามลำดับ  โดยใช้ปริมาณสีของกระดาษแต่ละประเภทที่เท่ากัน  จำนวน  15  กรัม
ข้อเสนอแนะ
1.   การหาสูตรที่เหมาะสมควรจะหาวัสดุที่มีความหลากหลายและแตกต่างกันหลาย ๆ  ชนิด
2.   ควรนำกระดาษสาที่ผลิตได้  ไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใช้ประโยชน์ให้มากกว่านี้


     
อ้างอิง
บรรณานุกรม
bangkokhealth.com. (ม.ป.ป.). ใบเตยหอม. สืบค้นเมื่อ  20 กุมภาพันธ์ 2553, จาก          http://www.bangkokhealth.com/nutrition_htdoc/nutrition_health_detail.asp?Number=9226
osc.ac.th. (24  มิถุนายน  2549). เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกระดาษ. สืบค้นเมื่อ  20 กุมภาพันธ์ 2553,  จาก           http://www.osc.ac.th/forum/index.php?action=printpage;topic=636.0
นิตยา  คำอินต๊ะมูล และคณะ. (ม.ป.ป.). ที่มาของกระดาษสา. สืบค้นเมื่อ  20 กุมภาพันธ์ 2553,     จาก  http://www.dsc.ac.th/inweb/student_job/sa_paper/pawat.htm
มูลนิธิวิกิมีเดีย. (8  กุมภาพันธ์  2552.). กระดาษสาสืบค้นเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2553,จาก http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8










6 ความคิดเห็น: